Cloud computing ระบบคอมพิวเตอร์เหนือเมฆ

วันอาทิตย์ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2554

วิ ธี ก า ร ห า ยี่ ห้ อ ข อ ง M a i n B o a r d จ า ก ตั ว เ ล ข B i o s

วิ ธี ก า ร ห า ยี่ ห้ อ ข อ ง M a i n B o a r d จ า ก ตั ว เ ล ข B i o s

สำหรับท่านที่ไม่ทราบว่า เมนบอร์ดที่ท่านใช้งานอยู่นี้ เป็นยี่ห้ออะไรหรือรุ่นไหน จะหา Download คู่มือต่าง ๆ ได้จากที่ไหนบ้าง แต่ต้องบอกก่อนนะ ว่า อาจจะไม่สามารถหาได้ทั้งหมด หรือบางครั้งทราบยี่ห้อและรุ่นแล้ว แต่หาเวปไซต์ผู้ผลิตเมนบอร์ดรุ่นนั้น ๆ ไม่ได้แล้วก็มี

เริ่มต้นจาก สังเกตุหน้าจอตอน Boot เครื่องครั้งแรกนะคะ จะมีข้อมูลต่าง ๆ ทั้งของการ์ดจอที่ใช้ ยี่ห้อของ BIOS ความเร็วของ CPU และรวมถึงหมายเลขของ BIOS ด้วย ปกติจะอยู่ประมาณด้านล่างซ้ายมือ เช่น เลข "2A59GV5C-00" ถ้าหากเมนบอร์ดของคุณเป็นรุ่นใหม่ ๆ หน่อยก็อาจจะมียี่ห้อหรือรุ่นและ web ผู้ผลิตให้ด้วย

หรือหา Download โปรแกรมตรวจเช็คหมายเลขของ BIOS ได้ที่ ftp://ftp.heise.de/pub/ct/ctsi/ctbios15.zip

ไปค้นหายี่ห้อ รุ่นของเมนบอร์ดได้ที่เวปไซต์นี้ โดยทำการเทียบหมายเลขของ BIOS นะคะ http://www.wimsbios.com/

เมื่อค้นหาได้แล้ว ก็จะทราบว่าเป็นเมนบอร์ด ยี่ห้อหรือรุ่นอะไรก็ไปที่เวปไซต์นั้น ๆ ได้เลย

โ ป ร แ ก ร ม ที่ ไ ด้ ล บ ทิ้ ง ไ ป แ ล้ ว ยั ง มี S h o r t c u t ค้ า ง อ ยู่





โ ป ร แ ก ร ม ที่ ไ ด้ ล บ ทิ้ ง ไ ป แ ล้ ว ยั ง มี S h o r t c u t ค้ า ง อ ยู่



หลังจากที่คุณย้ายโปรแกรมหรือเอกสารออกไปแล้วชอร์ตคัดใดๆ ที่คุณสร้างไว้สำหรับโปรแกรม หรือชอร์ตคัดที่มีความสัมพันธ์กับเอกสารบนเดสก์ท้อปในโฟลเดอร์ หรือบนเมนู Start จะไม่ทำงาน ชอร์ตคัดนี้รู้จักในชื่อ Dead links แต่ไม่น่ากลัวเหมือนกับชื่อ Dead links ไม่สามารถทำอันตรายคอมพิวเตอร์ของคุณได้มากไปกว่าการใช้พื้นที่ว่างในเดสก์ท็อปหรือที่ว่างในโฟลเดอร์และที่ว่างบนเมนู Start เพิ่มขึ้น แม้ว่า Dead links จะไม่มีจุดประสงค์ทำอันตราย ดังนั้นคุณอาจจะลบมันไปเสีย Windows 98 Resource Kit Tools Sampler ที่มากับ Windows 98 คุณจะต้องติดตั้งโปรแกรม kit เพื่อจะได้โปรแกรม ช่วยเหลือ
วิธีการแก้ปัญหา
1. ใส่แผ่นซีดีรอม Windows
2. ถ้าปรากฎหน้าจอ Welcome คลิก Browse This CD และข้ามที่ขั้นตอนที่ 3 ถ้าหน้าจอ Welcome ไม่ปรากฎ ให้ดับเบิลคลิก My Computer คลิกขวาที่ไอคอนสำหรับ CD-ROM ไดร์ฟ และบนเมนูลัดคลิก Explore
3. ดับเบิลคลิกที่โฟลเดอร์ Tools และดับเบิลคลิกที่โฟลเดอร์ Reskit4. ในโฟลเดอร์ Reskit ดับเบิลคลิกที่ Setup และทำตามขบวนการติดตั้ง Windows 98 Resource Kit Tools Sampler
หลังจากที่คุณได้ทำการติดตั้ง Windows 98 Resource Kit Tools Sampler คุณสามารถเริ่มเปิดและใช้งาน Link Check Wizard ด้วยขั้นตอนดังต่อไปนี้

1. คลิก Start ชี้ไปที่ Program ชี้ไปที่ Windows 98 Resource Kit และคลิก Tools Management Console
2. คลิก Close ปิดหน้าต่าง Tip Of The Day
3. ที่ช่องทางด้านซ้ายของหน้าต่าง Microsoft Management Console คลิกเครื่องหมายบวกใกล้กับ Windows 98 Resource Kit Tools Sampler
4. คลิกที่เครื่องหมายบวกใกล้กับ Tool Categories
5. คลิกที่โฟลเดอร์ Desktop Toola
6. คับเบิลคลิกที่ Checklinks ในช่องทางด้านขวา
7. ในหน้าต่าง Link Check Wizard คลิก Next
8. ในลิสต์ของ Broken shortcuts เลือกลิงก์เพื่อเอาออกหรือคลิก Select All แล้วคลิกที่ปุ่ม Finish
9. คลิก OK เพื่อปิดกล่องข้อความคำแนะนำแล้วปิด Microsoft Management Console

เกี่ยวกับ Windows 98 Resource Kit Tool Sampler Windows 98 Resource Kit Tools Sampler เตรียมจำนวนของเครื่องมือที่เป็นประโยชน์สำหรับการแก้ไขและบำรุงรักษาระบบวินโดวส์ในคอมพิวเตอร์ของคุณ เครื่องมือต่างๆ มากมายใน Windows 98 Resource Kit Tools Sampler ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่ต้องการจะจัดการกับคอมพิวเตอร์หลายตัวในเน็ตเวิร์กภายในองค์กร แต่กระนั้นเครื่องมือจำนวนเล็กน้อยก็มีประโยชน์สำหรับทุกๆ คน Microsoft Windiff เป็นเครื่องมือที่ยิ่งใหญ่กว่าเปรียบเทียบกับสิ่งที่บรรจุของ 2 ไฟล์หรือ 2 โฟลเดอร์และชี้จุดความแตกต่าง Microsoft File Information เป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์อีกอันหนี่งที่แสดงข้อมูลทั้งหมดที่ฝังอยู่ในแต่ละไฟล์ที่เป็นส่วนของวินโดวส์
















ท ำ อ ย่ า ง ไ ร เ มื่ อ Program ห ยุ ด ก า ร ต อ บ ส น อ ง



ท ำ อ ย่ า ง ไ ร เ มื่ อ Program ห ยุ ด ก า ร ต อ บ ส น อ ง

หวังว่าเหตุการณ์นี้จะไม่เกิดในขณะที่การทำงานยังไม่ได้เก็บบันทึกไฟล์ คุณอาจจะคิดว่า "เราได้ทำอะไรลงไปหรือนี่" จำไว้ว่าการที่โปรแกรมหยุดทำงานนั้นไม่ใช่ความผิดของคุณ แต่โปรแกรมนั้นอาจจะไม่เข้าใจในการทำงานนั้นถ้าคุณกำลังประหลาดใจว่าทำไมบางครั้งโปรแกรมเกิดแครชให้พิจารณาต่อไปนี้ คอมพิวเตอร์แต่ละชนิดมีไลบรารีของโปรแกรมฮาร์ดิสก์ของตัวเอง การติดตั้งฮาร์ดแวร์ต่างๆ ภายในเครื่องและการใช้อุปกรณ์ต่อพ่วง (เช่น เครื่องพิมพ์ สแกนเนอร์ และกล้องดิจิตอล) และการใช้โปรแกรมยูติลิตี้อื่นๆ (เช่น Virus checkers Internet audio programs และ Controls for speakers) โปรแกรมและอุปกรณ์เหล่านี้จะทำร่วมกันได้อย่างดีเยี่ยม แต่อาจเกิดขัดแย้งกันได้ เช่นในกรณีที่พยายามใช้ทรัพยากรเดียวกันในคอมพิวเตอร์ หรือ กำหนดเครื่องมือที่ขัดแย้งกันภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ถ้ามีปัญหานี้เกิดขึ้นโปรแกรมที่ทำงานยังไม่เสร็จสิ้นจะกลับคืนมาที่คุณโดยไม่ตอบสนองกับการคลิกเมาส์หรือคีย์บอร์ดของคุณ

วิธีการแก้ปัญหา
1. กด Ctrl+Alt+Del

2. ตรวจสอบอย่างละเอียดในไดอะล็อกบ็อกซ์ Close Program เพื่อดูว่ามีโปรแกรมใดบ้างที่แสดงข้อความ Not responding

3. คลิกที่โปรแกรมที่ไม่ตอบสนอง และคลิกที่ End Task

4. รอประมาณ 30 วินาที และถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นให้รออีก 30 วินาที วินโดส์อาจต้องการใช้เวลาในการทำงาน และถ้าคุณรอคุณอาจจะสามารถปิดโปรแกรมที่ Not responding นั้นได้โดยไม่ต้องรีสตาร์ตเครื่องคอมพิวเตอร์ใหม่

5. ถ้าปรากฎกรอบข้อความขึ้นมาว่าคุณสามารถคลิก End Task เพื่อปิดโปรแกรม ให้ดำเนินต่อไปถ้าไม่มีอะไรเกิดขึ้นใน 30 วินาทีหลังจากที่คลิก End Task หรือ หลังจากที่คุณได้คลิกที่ End Task ให้กด Ctrl+Alt+Del อีกครั้ง คลิกโปรแกรมที่ไม่ตอบสนอง คลิก End Task และรออีก 30 วินาที ถ้ายังไม่มีอะไรเกิดขึ้น คลิก Cancel เก็บบันทึกงานของคุณในโปรแกรมอื่นและออกจากโปรแกรม แล้วกด Ctrl+Alt+Del สองครั้งเพื่อปิดโปรแกรมและรีสตาร์ตเครื่องคอมพิวเตอร์ถ้าทำแล้วินโดวส์ไม่รีสตาร์ต คุณจะต้องปิดเครื่องโดยใช้ปุ่ม Power แล้วเปิดเครื่องใหม่ ในการทำเช่นนี้คุณอาจจะสูญเสียข้อมูลบางอย่างที่คุณยังไม่ได้เก็บบันทึกในขณะที่ใช้โปรแกรม แต่ถ้าเป็นโปรแกรมอื่น เช่น MicroSoft Outlook จะทำการเก็บบันทึกค่าที่เปลี่ยนในไฟล์ให้ทำให้คุณไม่ต้องเสียงานใดๆ ที่สร้างขึ้น

6. หลังจากที่คุณได้ปิดโปรแกรมที่มีปัญหาแล้วให้กด Ctrl+Alt+Del อีกครั้งและตรวจสอบในไดอะล็อกบ็อกซ์ Close Program ที่โปรแกรมไม่ได้อยู่ในลิสต์ แต่ถ้ายังคงอยู่ในลิสต์ให้ทำตามขบวนการในขั้นตอนที่ 3 ถึง 5 จนกว่าโปรแกรมจะไม่ปรากฎในลิสต์

7. ถ้าขณะนี้คุณหาโปรแกรมที่การทำงานผิดปรกติใดๆ ในวินโดวส์หรือโปรแกรมที่คุณกำลังใช้ เช่น ทำงานช้าผิดปรกติหรือไม่ทำงาน ให้ทำการชัดดาวน์ หรือ รีสตาร์ตวินโดวส์

การหลีกเลี่ยงโปรแกรมที่แฮงค์ในอนาคต บางครั้งคุณอาจสังเกตได้ว่าเกิดอาการแฮงค์ขึ้นบ่อยครั้ง ยิ่งมีโปรแกรมที่คุณติดตั้งเพิ่มมากขึ้น ก็มีการใช้ทรัพยากรในการทำงานมากขึ้นและมีอุปกรณ์ที่ต้องการใช้มากขึ้น ความต้องการของระบบวินโดวส์มากขึ้น ซึ่งก็คือซอฟต์แวร์ที่อยู่ภายใน ในบางครั้งคุณจะต้องล้างข้อมูลในเครื่องคอมพิวเตอร์โดยการย้ายโปรแกรมที่ไม่ได้ใช้บ่อยออกไป หรือโดยการป้องกันการเปิดโปรแกรมจากการเปิดอย่างอัตโนมัติ และโดยการเรียกใช้โปรแกรมรักษาเครื่องที่รวมอยู่ในวินโดวส์ เหมือนกับโปรแกรมดีแฟกซ์ บางคนจะใช้วิธีลบวินโดวส์เป็นระยะๆ และทำการติดตั้งวินโดวส์ใหม่ ทำให้เหมือนกับได้ใช้งานคอมพิวเตอร์เครื่องใหม่ ถ้าคุณต้องการจะสร้างด้วยไฟล์สำรองข้อมูลของคุณ ต้องการติดตั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ใหม่ ต้องการใส่ค่า Password ใหม่ทั้งหมดและติดตั้งงานที่คุณชอบเป็นพิเศษหรือ ใช้งานสิ่งแวดล้อมเดิมอีกครั้ง


ทำไมถึงไม่หยุดทำ คิดว่าคุณยุ่งหรือ วินโดวส์ก็ยุ่งในสิทธิส่วนตัวของมันเช่นเดียวกัน เป็นสภาพแวดล้อมสำหรับการเรียกโปรแกรม เช่น Microsoft Word และ Microsoft Excel วินโดวส์จะจัดการทุกๆ โปรแกรมในคอมพิวเตอร์ เครื่องมือต่างๆ และแบบอักษรทั้งหมด แม้ว่าคอมพิวเตอร์จะประกอบด้วยเครื่องพิมพ์ เครื่องสแกนเนอร์ ลำโพง และ อุปกรณ์ต่อพ่วงจำนวนมาก การทำงานร่วมกันระหว่างของใหม่และของเก่า ซึ่งคุณได้ติดตั้งเข้าไปในคอมพิวเตอร์ ในเวลาเดียวกันคอมพิวเตอร์จะจำลองตัวเองทำเป็นโหมดดอส สำหรับโปรแกรมรุ่นเก่าซึ่งยังคงถูกใช้ในบางบริษัท เพราะว่าความต้องการของวินโดวส์มีสูงและสามารถจัดให้เหมาะสมกับทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับซอฟต์แวร์ที่ใช้ในดอส เราจำเป็นต้องอดทนกับปัญหาบางครั้ง ทางที่ดีที่สุดที่จะปกป้องตัวเองคุณจะต้องทำตามภาษิตโบราณที่ว่า "ป้องกันไว้ก่อนและทำบ่อยๆ"


วันเสาร์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า M o u s e



ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า M o u s e


เ มื่ อ M O U S E ไ ม่ ท ำ ง า น ต า ม ค ำ สั่ ง
Mouse เป็นอุปกรณ์ตัวหนึ่งในการสั่งงานคอมพิวเตอร์ และถือว่าเป็นอุปกรณ์มาตราฐานตัวหนึ่งที่ขาดไม่ได้ โดยเฉพาะผู้ใช้งาน Windows ถ้า mouse ไม่สามารถเลื่อนได้ หรือเลื่อนได้แบบตะกุกตะกัก คงจะทำให้ผู้ใช้งานรู้สึกหัวเสียได้ขึ้นมาทันที ยัง ! ยังไม่จำเป็นต้องซื้อ mouse มาเปลี่ยน เชิญศึกษาวิธีการแก้ไขเบื้องต้นของเราดูก่อน แล้วคุณจะบอกว่า ง่ายนิดเดียว

รู้ จั ก MOUSE สั ก นิ ด ก่ อ น
ลักษณะของ Mouse เดิมเมื่อเราหงายท้องเม้าส์ จะเห็นลูกบอลกลมๆ ด้านล่าง อย่างไรก็ตาม mouse ไม่ได้มีแบบเดียว ปัจจุบันมีการพัฒนาออกมาได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะใช้แสงควบคุมแทนลูกบอล หรือเปลี่ยนลูกบอลให้อยู่ด้านบน หรืออาจเป็นแบบ mouse ไร้สาย เป็นต้น แต่สำหรับเม้าส์ที่มีลักษณะมีลูกบอลอยู่ด้านล่าง ยังคงเป็นที่นิยมมากที่สุด (อาจเป็นเพราะราคาที่ถูกลงมากด้วย)

ปั ญ ห า แ ล ะ ก า ร แ ก้ ไ ข
ปัญหาที่พบมากที่สุดในเม้าส์ที่มีลูกบอลด้านล่าง คือ เลื่อนลูกศรชี้บนหน้าจอไม่ได้ หรือเลื่อนไม่ค่อยราบรื่น สำหรับการแก้ไข ให้เตรียมอุปกรณ์ ดังนี้ คือ แอลกอฮอล์ และก้านสำลีพัน จากนั้นให้ลองทำขั้นตอนต่างๆ ดังนี้
1.หงายท้องของ mouse เปิดฝาด้านหลัง (หมุนซ้าย หรือขวา)
2.หยิบลูกบอลออกมาเช็คทำความสะอาดด้วยผ้าแห้ง
3.ให้ตรวจดูด้านในของตัว mouse จะเห็นมีก้านพลาสติก (อาจมี 2 ถึง 3 ด้าน) ว่ามีคราบสกปรกติดอยู่หรือไม่ ถ้ามี ให้ใช้สำลี ชุบแอลกอฮอล์หมาด ๆ เช็คทำความสะอาดคราบที่ติดอยู่
รอให้แอลกอฮอล์แห้ง นำลูกบอลเก็บไปไว้ดังเดิม จากนั้นปิดฝา และนำไปใช้งานได้ทันที

ข้ อ ค ว ร ท ร า บ
การใช้งาน mouse ควรมี mouse pad หรือที่รอง mouse เสมอ ทั้งนี้เพื่อช่วยลดคราบสกปรกที่อาจติดเข้าไปในเม้าส์ได้ง่าย และหมั่นทำความสะอาดเช็ดตัว mouse pad ด้วยเช่นเดียวกัน


ทำ ไ ม ย้ า ย Computer แ ล้ ว ไ ม่ ส าม า ร ถ ต่ อ Internet ไ ด้

ทำ ไ ม ย้ า ย Computer แ ล้ ว ไ ม่ ส าม า ร ถ ต่ อ Internet ไ ด้

หลังจากที่ยกเครื่องไปต่อกับโทรศัพท์เครื่องอื่น ปรากฏว่ามันจะขึ้นข้อความ "no dial tone" ตลอดเลย ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้มันก็ยังใช้งานได้ตามปกติ อีกอย่างเบอร์โทรศัพท์อันใหม่ก็ยังทำงานได้เป็นปกติ เรามาดูสาเหตุของปัญหากัน


1.เกิดจากการ์ดโมเด็ม
สาเหตุนี้จะเกิดจากกรณีที่ใช้โมเด็มแบบ Internal ซึ่งช่วงเวลาที่ยกเครื่องคอมพิวเตอร์ไปตั้งที่อื่น อาจจะทำให้การ์ดโมเด็มที่เสียบอยู่บนเมนบอร์ดเกิดขยับหรือหลวม จึงทำให้ไม่สามารถต่ออินเตอร์เน็ตได้
ทางแก้ไข : ให้ลองเปิดฝาเครื่อง แล้วทำการเสียบการ์ดโมเด็มให้แน่นขึ้น


2.เสียบสายโทรศัพท์ผิดช่อง
เมื่อยกเครื่องมาต่อกับเครื่องโทรศัพท์เครื่องอื่น คุณอาจเสียบสายโทรศัพท์เข้ากับช่องโมเด็มผิดช่อง
ทางแก้ไข : สลับช่องระหว่างช่อง Line กับ Phone ให้ตรวจสอบดี


3.สายโทรศัพท์เสีย
นำสายโทรศัพท์จากช่อง line มาเสียบกับโทรศัพท์ แล้วให้ลองยกหูฟังสัญญาณ ถ้าหากว่าสามารถโทรออกได้ตามปกติ นั่นแสดงว่าสายโทรศัพท์เสีย
ทางแก้ไข : ให้ติดต่อพนักงานโทรศัพท์ เพื่อมาแก้ไขสายโทรศัพท์ให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ


4.ลืมใส่หมายเลขโทรศัพท์
จะเกิดกับคนที่ใช้อินเตอร์เน็ตผ่านเครื่อง PABX
ทางแก้ไข : ก็ให้ตรวจสอบดูว่าได้ใส่หมายเลขตัดโทรศัพท์หน้าเบอร์ที่ต้องการโทรออกหรือยัง ถ้ายังก็ให้ใส่ด้วย

5.เบอร์ต่อไปยัง ISP ผิด

เป็นไปได้ว่าเบอร์โทรศัพท์ต่อไปยัง ISP ผิดให้ตรวจสอบว่าเบอร์ถูกต้องหรือยัง

ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า C D - R o m

ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า C D - R o m



CD-ROM Drive คืออะไร

อุปกรณ์ที่ใช้สำหรับอ่านข้อมูลบนแผ่น CD ซึ่งมีหลายประเภท เช่น CD-ROM, CD-RW, DVD และ COMBO Drive ซึ่ง Drive แต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและความสามารถต่างกัน และถือได้ว่า Drive ต่างๆ เหล่านี้ เป็นอุปกรณ์พื้นฐานที่จำเป็นสำหรับคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน

ปัญหาของ CD-ROM Drive

ปัญหาส่วนใหญ่ของ CD-ROM Drive ที่พบมากก็คือ ไม่สามารถอ่านแผ่น CD ได้

1.ใส่แผ่น CD กลับข้างหรือเปล่า ลองดูสักนิด
2.แผ่น CD ที่เก็บข้อมูล สกปรกหรือเปล่า ลองเช็คทำความสะอาดดูสักนิด
3.ให้ดูแแผ่น CD ว่าเป็นแบบใด CD-R หรือ CD-RW หรือ DVD ถ้าเป็น CD-ROM Drive ทั่วไป จะไม่สามารถอ่านแผ่น DVD ได้ แต่ถ้าเป็นแผ่น CD-R, CD-RW หลายๆ รุ่น อาจมีปัญหาในการบันทึก ทำให้ CD-ROM Drive บางรุ่น ไม่สามารถอ่านได้ ถ้าไม่ใช่ ให้ทดสอบข้อต่อไป
4.ให้ทดสอบโดยหาแผ่น CD แผ่นอื่นๆ มาทดลองเปิดดู ถ้าไม่ได้ ให้ทดสอบข้อต่อไป
5.ควรทำความสะอาด CD-ROM Drive โดยหาซื้อแผ่นทำความสะอาด CD-ROM Drive โดยเฉพาะ (ลักษณะของแผ่นที่ใช้ทำความสะอาด Drive ให้กลับแผ่น CD ลง จะเป็นขนแปลงเล็ก ๆ อยู่ด้านล่าง ไว้ใช้สำหรับทำความสะอาด หัวอ่านของ CD ให้ทำความสะอาดสัก 2 - 3 รอบ จากนั้น ให้ลองเปิดแผ่น CD ที่มีปัญหา
6.ถ้ายังอยู่ในประกัน (ปกติ 1 ปี) ให้รีบไปเคลมทีร้านได้เลยครับ ไม่ต้องคิดให้ปวดหัว
7.ถ้าเลยประกัน คงต้องส่ง ร้านซ่อม เพราะอาจต้องเปิดตัว CD-ROM Drive และปัดฝุ่นจากภายใน หรืออาจมีปัญหากับบางชิ้นส่วนก็เป็นได้









ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า H a r d d i s k



ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า H a r d d i s k

H a r d d i s k คื อ อ ะ ไ ร

ฮาร์ดดิกส์ คืออุปกรณ์ที่ใช้เก็บข้อมูลหรือโปรแกรมที่สำคัญมากที่สุดในระบบคอมพิวเตอร์ หลาย ๆ คนอาจเรียก "Fix Disk" เนื่องจากเป็นดิสก์ที่ถูกยึดติดแน่นกับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยทั่วไปเราไม่สามารถมองเห็นตัวฮาร์ดดิสก์ เนื่องจากถูกติดตั้งอยู่ภายใน ถ้าต้องการดู จำเป็นจะต้องเปิดฝาครอบตัวเครื่องจึงจะมองเห็น ไดร์ซของฮาร์ดดิกส์ปกติ จะเริ่มต้นจาก drive C: (คุณทราบหรือไม่ว่า คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง สามารถติดตั้งฮาร์ดดิสก์ได้มากกว่า 1 ตัว)


ปั ญ ห า ข อ ง H a r d d i s k


1.Harddisk เต็ม ปัญหานี้คงต้องตรวจสอบก่อนว่า ที่ harddisk เต็มนั้นมาจากการติดตั้งโปรแกรมต่างๆ หรือสืบเนื่องมาจากการใช้งานปกติ ถ้าเป็นที่การติดตั้งโปรแกรมมากๆ คงต้องมีการยกเลิกการติดตั้ง (Uninstall) ที่ไม่ได้ใช้ออกไปบ้าง แต่ถ้ามาจากการใช้งานปกติ ให้ตรวจสอบว่า เคยทำ Disk Cleanup แล้วหรือยัง ถ้ายัง ให้คลิกเข้าไปที่ Start -> Programs -> Accessories -> System Tools และคลิกเลือก Disk Cleanup (โปรแกรมนี้จะช่วยตรวจสอบไฟล์ที่เป็นขยะ ให้จัดการลบให้อัตโนมัติ)

2.มี Bad Sector (หมายถึงบางส่วนของพื้นที่ในการจัดเก็บข้อมูลเสียหาย)
ผู้ชำนาญหลายท่านได้กล่าวว่า ปัญหา bad sector ของ harddisk แบ่งได้ 2 อย่างคือ bad จริง กับ bad ปลอม ซึ่งมีความหมายว่า bad จริง คือ มีรอยขีดข่วนที่พื้นผิว harddisk ซึ่งถ้าเป็นปัญหานี้ คงไม่สามารถแก้ไขได้ ส่วน bad ปลอมนั้นเป็นปัญหาของโปรแกรมที่ตรวจสอบพบว่ามีปํญหาในการจัดเก็บ


การแก้ไข Bad ปลอม อาจเริ่มต้นการใช้โปรแกรม ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน โดยใช้โปรแกรม Scandisk ตรวจสอบ ถ้าพบ bad sector และต้องการแก้ไข คงต้องสำรองข้อมูล และลองทำ Fdisk กับ Format harddisk ดูใหม่ อย่างไรก็ตาม เราใช้โปรแกรม Utility ที่แก้ไข bad sector ได้ เช่น POWERMAX หรือ SPINRITE เป็นต้น
3.การทำงานที่ช้าลงอย่างเห็นได้ชัด ปัญหานี้ดูเป็นเรื่องปกติ ของผู้ใช้งาน Windows เนื่องจากการทำงานของ Windows จะมีการสุ่มการจัดเก็บข้อมูลลง harddisk ดังนั้น ถ้าการใช้งานของเรามีการสร้าง หรือลบไฟล์บ่อยๆ จะทำให้การสุ่มข้อมูลช้าลงได้ เนื่องจากพื้นที่ในการจัดเก็บไม่ได้เรียงต่อเนื่องกัน ดังนั้น วิธีการแก้ไขเบื้องต้นก็คือ การจัดเรียงข้อมูลในการจัดเก็บโปรแกรม+ข้อมูล ให้เป็นระเบียบ โดยเราสามารถใช้ utility ที่มาพร้อมกับ Windows ช่วยในการจัดเก็บได้ ซึ่งก็คือ Disk Defragment (คำแนะนำ ก่อนใช้โปรแกรมนี้ ควรรันโปรแกรม Disk Cleanup ก่อน จากนั้นให้รันโปรแกรม Scan Disk และท้ายสุดก็คือ Disk Defragment)

ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า C o m p u t e r

ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า C o m p u t e r


เพื่อให้อายุการใช้งานคอมพิวเตอร์ยาวนานขึ้น และลดปัญหาจุกจิกต่างๆ เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ของคุณ เราขอแนะนำการทำความสะอาดเครื่องคอมฯ ทั้งภายในและภายนอกดังนี้


การทำความสะอาดภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์


ใช้น้ำยาทำความสะอาดสำหรับเครื่องคอมฯ เช็ด บริเวณด้านนอก โดยอาจใช้พู่กันเล็กๆ ช่วยในการปัดฝุ่นออกเสียก่อน จากนั้นจึงใช้น้ำยาทำความสะอาดเช็คเครื่องคอมฯ ข้อควรระวัง! โดยปกติน้ำยาเหล่านี้ ห้ามเช็คหน้าจอ ถ้ามีฝุ่นหรือคราบนิ้วมือ ให้ใช้ผ้าสะอาดเช็ดก็เพียงพอแล้ว (ทิป น้ำยาทำความสะอาด โดยทั่วไป การใช้ควรใส่น้ำยาบนผ้าที่สะอาด จากนั้นลูบไปบริเวณตัวเครื่อง ทิ้งไว้สักพัก และค่อยเช็ดออก จะช่วยลดแรงในการขัดได้มาก)




การทำความสะอาดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์


สำรองข้อมูล เพื่อเป็นการป้องกันปัญหาของคอมพิวเตอร์ ที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกขณะ การสำรองข้อมูลอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดปัญหาของคุณได้มากทีเดียว การสำรองข้อมูลอาจสำรองลงแผ่น ดิสก์, ซีดี หรืออาจแบ่ง partition ในฮาร์ดดิกส์ แล้วทำรองไว้ ทั้งนี้คงขึ้นกับกำลังเงินที่เรามีอยู่


ทำความสะอาดแผงวงจร ปัญหาอย่างหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้คอมพิวเตอร์เกิดเสียหายได้ นั่นคือ ความชื้นและฝุ่นละอองที่เกาะตามอุปกรณ์ต่าง ๆ ดังนั้น เราจึงควรทำความสะอาดบ้างอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง ทั้งนี้ขึ้นกับสถานที่ที่ติดตั้งคอมฯ ว่าอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองมากน้อยเพียงใด การทำความสะอาด จำเป็นต้องต้องเปิดฝาเครื่อง จากนั้นให้ใช้เครื่องเป่าผม หรือเครื่องดูดฝุ่น


(ขนาดเล็ก) ใช้เป่า หรือดูดฝุ่นออกมา ระวังเวลาดูดหรือเปล่า อย่าเข้าใกล้แผงวงจรมากนัก


ตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่ในการจัดเก็บข้อมูลและโปรแกรมที่ถูกใช้งานมากที่สุด ดังนี้เราจึงควรมีการตรวจสอบ ฮาร์ดดิสก์เป็นประจำอยู่เสมอ โดยใช้โปรแกรมตรวจสอบ เช่น ลบขยะภายในเครื่อง Disk Cleanup, ตรวจสอบดิสก์ Scandisk และ จัดเรียงข้อมูลในดิสก์ Disk Defregment (อย่างน้อยเดือนละครั้ง)


ตรวจสอบไวรัส วิธีการหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหา และช่วยในการทำงานของคุณให้ราบรื่นด้วย เนื่องจากปัจจุบัน ไวรัสมีการแพร่กระจายทุกวัน และโดยเฉพาะการใช้งาน internet & Email ก็เป็นที่แพร่หลายมากด้วย ดังนั้นโอกาสในการติดไวรัสย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ การป้องกันย่อมดีกว่าแก้ปัญหาแน่นอน ดังนั้นการติดตั้งโปรแกรมเพื่อป้องกันและตรวจสอบไวรัส ย่อมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างหนึ่งที่ต้องกระทำ และนอกจากนี้ คุณจำเป็นจะต้องมีการ update ไฟล์ที่สามารถป้องกันไวรัสตัวไวรัสอย่างสม่ำเสมออีกด้วย (อย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง)


ปั ญ ห า C o m p u t e r ที่ พ บ กั น บ่ อ ย ๆ แ ล ะ แ น ว ท า ง ก า ร แ ก้ ไ ข เ บื้ อ ง ต้ น

ปั ญ ห า C o m p u t e r ที่ พ บ กั น บ่ อ ย ๆ แ ล ะ แ น ว ท า ง ก า ร แ ก้ ไ ข เ บื้ อ ง ต้ น

รวบรวมปัญหาต่าง ๆ ที่พบได้บ่อย ๆ กับการใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยได้พยายามรวบรวมปัญหาที่พบเห็นกันบ่อย ๆ และนำมาสรุปให้เป็นแนวทางสำหรับ การแก้ไขปัญหาเบื้องต้น หวังว่าจะมีประโยชน์กับคนอื่น ๆ ได้บ้าง

ปัญหาของ Windows

1.หลังจาก Setup Windows ใหม่แล้วเกิดการค้าง ไม่ยอมทำการ Setup ต่อไปเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ แต่สิ่งหนึ่งที่พบบ่อย ๆ คือการตั้งค่า Virus Warning ใน bios ไว้ทำให้เครื่องไม่สามารถ เขียนข้อมูลทับลงบนส่วนของ boot record ของฮาร์ดดิสก์ได้ ให้ลองแก้ใน bios ตั้งให้เป็น Disable ไว้ก่อน และหลังจากทำการ Setup Windows เสร็จแล้วค่อยตั้งเป็น Enable ใหม่

2.หลังจาก Setup Windows จะขึ้นข้อความ Windows Protection Errorที่พบบ่อย ๆ มากคือปัญหาของ RAM อาจจะเป็นเฉพาะช่วงที่ทำการ Setup Windows เท่านั้น (โดยที่ปกติก่อน Setup Windows จะใช้งานได้ ไม่เป็นอะไร) ให้ทดลองหา RAM มาเปลี่ยนใหม่ดู หรือหากเป็น SDRAM ให้ทดลองตั้งค่าใน bios ค่าของ CAS จากที่ตั้งเป็น 2 ลองตั้งเป็น 3 ดู อาจจะช่วยแก้ปัญหาได้บ้าง

3.ใช้ AMD K6II-350 ขึ้นไปลง Windows95 แล้วเกิด Error แต่ลง Windows98 ได้จะเกิดจากการใช้ CPU ของ AMD ที่มีความเร็วตั้งแต่ 350MHz ขึ้นไปกับ Windows95 วิธีแก้ไขคือไป Download Patch สำหรับแก้ปัญหานี้ที่ AMDK6UPD.EXE มาแก้ไขโดยสั่งรันไฟล์นี้แล้วบูทเครื่องใหม่ก่อน

ปัญหาของ ฮาร์ดแวร์

1.RAM หายไปไหนเนี่ย ใส่เข้าไป 32 M. ทำไม Windows บอกว่ามี 28 M. เองอาการของ RAM หายไปดื้อ ๆ จะเกิดกับการใช้เมนบอร์ดรุ่นที่มี VGA on board นะครับ ที่จริงก็ไม่ได้หายไปไหนหรอก เพียงแต่ส่วนหนึ่งของ RAM จะถูกนำไปใช้กับ VGA ครับและขนาดที่จะโดนนำไปใช้ก็อาจจะเป็น 2M, 4M หรือ 8M ก็ได้ขึ้นอยู่กับการตั้งใน BIOS

2.ใช้เครื่องได้สักพัก มักจะแฮงค์ พอปิดเครื่องสักครู่แล้วเปิดใหม่ ก็ใช้งานต่อได้อีกสักพักแล้วก็แฮงค์อีก อาจจะเกิดจากความร้อนสูงเกินไป อย่างแรกให้ตรวจสอบพัดลมต่าง ๆ ว่าทำงานปกติดีหรือเปล่า หากเครื่องทำ Over Clock อยู่ด้วยก็ทดลองลดความเร็วลงมา ใช้แบบงานปกติดูก่อนว่ายังเป็นปัญหาอยู่อีกหรือเปล่า ถ้าใน bios มีระบบดูความร้อนของ CPU หรือ Main Board อยู่ด้วยให้สังเกตค่าของ อุณหภูมิ ว่าสูงเกินไปหรือเปล่า ทั้งนี้อาจจะทำการเพิ่มการติดตั้งหรือเปลี่ยนพัดลมของ CPU ช่วยด้วยก็ดี

3.มีข้อความ BIOS ROM CHECK SUM ERROR ตอนเปิดเครื่อง อาการนี้ส่วนใหญ่เกิดจากถ่านของ BIOS หมดหรือเกิดการหลวมครับ ให้ลองขยับถ่านให้แน่น ๆ ดูก่อน ถ้าไม่หายก็ต้องลองเปลี่ยนถ่านบนเมนบอร์ดดู (ก่อนเปลี่ยนถ้ามี Meter วัดไฟดูก่อนก็ดี) หลังจากเปลี่ยนแล้วให้ทำการ Clear BIOS Jumper ก่อนด้วย จะเป็น Jumper ใกล้ ๆ กับ IC BIOS นั่นแหละ ทำการ Jump ค้างไว้สัก 5 วินาทีแล้วก็ Jump กลับที่เดิมก่อน หลังจากนั้นต้องเข้าไปตั้งค่าต่าง ๆ ของ BIOS ใหม่ด้วย

4.ลืม Password ของ BIOS จะทำยังไงดีให้ทำการถอดถ่านของ BIOS ออกสักครู่ แล้วใส่กลับเข้าไปใหม่ ทำการ Clear Jumper BIOS ก่อนด้วย หรือลองดูวิธีการ Clear/Reset Password ของ BIOS

5.ซื้อฮาร์ดดิสก์มาขนาดใหญ่ ๆ แต่หลังจากทำการ Format แล้วเครื่องมองเห็นแค่ 2G อย่างแรกให้ดูก่อนเลยว่า ใช้ระบบ FAT16 หรือ FAT32 ถ้าหากเป็น FAT16 จะมองเห็นได้สูงสุดแค่ 2G ต่อ 1 Partition เท่านั้น ต้องใช้แบบ FAT32 ครับ วิธีการคือใช้ FDISK ของแผ่น Startup Disk WIN98 มาทำ FDISK (ถ้าเป็น FDISK จาก DOS หรือ WIN95 จะเป็นแบบ FAT16)

6.ไม่สามารถใช้งาน ฮาร์ดดิสก์ได้มากกว่า 8G. สำหรับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆเกิดจากที่ BIOS ไม่สามารถรู้จักกับ ฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่ ๆ ได้ จะเป็นกับเมนบอร์ดรุ่นเก่า ๆ ที่เคยพบมาอีกแบบคือ Windows มองเห็นเกิน 8G แต่ไม่สามารถใช้งานได้ จะบอกว่าฮาร์ดดิสก์ของเราเต็ม วิธีแก้ไขอย่างแรกคือ ให้ลองทำการ Update BIOS เป็น Version ใหม่ดูก่อน (ถ้าหาได้) หรือไม่ก็หา Download โปรแกรมสำหรับจัดการพื้นที่ฮาร์ดดิสก์ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตฮาร์ดดิสก์ยี่ห้อนั้น ๆ หรืออาจจะใช้วิธีการแบ่ง Partition ให้มีขนาดใหญ่ไม่เกิน 8G ต่อ 1 Partition ก็อาจจะช่วยได้

ปัญหาของ ซอฟต์แวร์

1.หลังจากลงโปรแกรมป้องกันไวรัส McAfee 4.0.3 แล้วไม่สามารถบูทเข้า Windows ได้เท่าที่พบจะเกิดกับบางเครื่องเท่านั้น ปัญหาเกิดจากหลังจากที่เราติดตั้ง McAfee ลงไปแล้ว เครื่องจะทำการ Scan ข้อมูลในฮาร์ดดิสก์โดยใส่เป็น Batch File ไว้ในไฟล์ autoexec.bat ซึ่งบางครั้งจะเป็นปัญหาทำให้ค้าง ไม่ยอมเข้า Windows ต่อไป วิธีแก้ไขคือ ให้เปิดเครื่องเข้าใน MS-DOS Mode โดยกดปุ่ม F8 ค้างไว้ขณะเปิดเครื่อง จะเข้ามาที่เมนู Microsoft Windows 98 Startup Menu เลือกข้อ 6. sefe mode command prompt only แล้วใช้คำสั่ง "edit autoexec.bat" เพื่อแก้ไขไฟล์โดยให้ลบบรรทัดที่มีคำสั่ง scan.exe ออกครับ ทำการ save file แล้วทดลองบูทเครื่องใหม่อีกครั้ง

2.พิมพ์หน้า Web Page ออกเครื่องพิมพ์แบบ Ink Jet เป็นภาษาไทยไม่ได้ จะมีแต่ภาษาอังกฤษส่วนใหญ่ ปัญหานี้จะเกิดกับการใช้เครื่องพิมพ์แบบ อิงค์เจ็ท รุ่นใหม่ ๆ วิธีแก้ไขคือ ให้ลองหา Download Driver รุ่นใหม่ ๆ ของเครื่องพิมพ์จาก Web Site ของเครื่องพิมพ์นั้น ๆ เพราะบางครั้งอาจจะมีการแก้ไขปัญหานี้แล้ว หรือไม่ก็ใช้วิธีเข้าไปตั้งค่า Regional Settings ที่ Control Panel เป็น English(USA) ก่อน เมื่อพิมพ์เสร็จแล้วก็เปลี่ยนกลับมาเป็น Thai เหมือนเดิม การตั้งค่าก็ทำโดยกดที่ Start เมนู >> Settings >> Control Panel เลือกที่ Regional Settings เปลี่ยนเป็น English(USA)

3.สั่ง Defrag Hard Disk แล้วไม่ยอมเสร็จ จะกลับมาเริ่มต้นใหม่ วนแบบนี้อยู่เรื่อย ๆ สาเหตุเกิดจากมีโปรแกรมบางตัวทำงานอยู่ในเวลานั้นด้วยและสั่งเขียนข้อมูลลงบนฮาร์ดดิสก์ เช่น Screen Saver, Winamp หรือพวก Anti Virus บางตัว ให้ทำการปิดโปรแกรมเหล่านี้ให้หมดก่อน หรืออาจจะใช้วิธีเข้า Windows ใน Self Mode (กด F8 ตอนเปิดเครื่องแล้วเลือก Self Mode)

4.ใช้การ์ดจอของ TNT แล้วเมื่อพิมพ์ข้อความต่าง ๆ สระบนล่างไม่ยอมขึ้นมาทันทีต้องพิมพ์ตัวต่อไปก่อนจึงจะเห็น เป็นปัญหาที่พบบ่อยมาก ๆ กับผู้ที่ใช้การ์ดจอของ TNT ครับให้ลองหา Driver รุ่นใหม่ ๆ จากเวปไซต์ของผู้ผลิตการ์ดจอมาใช้ จะแก้ไขได้หรือใช้ Driver ของ Detonator Version 3.65 ขึ้นไป หาได้จาก http://www.3dchipset.com/


ก า ร ใ ช้ ง า น K e y b o a r d แ ท น M o u s e เ พื่ อ ก า ร ท ำ ง า น ที่ ร ว ด เ ร็ ว ขึ้ น

ก า ร ใ ช้ ง า น K e y b o a r d แ ท น M o u s e เ พื่ อ ก า ร ท ำ ง า น ที่ ร ว ด เ ร็ ว ขึ้ น


Alt + Tab เปลี่ยนหน้าต่างของซอฟต์แวร์ ที่เปิดใช้งานอยู่ในขณะนั้น
Ctrl + Esc ใช้เรียก Start Menu ขึ้นมาใช้งาน
Alt + F4 ปิดหรือออกจากโปรแกรม (Close) ที่เปิดใช้งานอยู่ขณะนั้น
Ctrl + Alt + Del สั่งบูทเครื่องใหม่ กรณีที่ไม่สามารถสั่งงานต่าง ๆ ได้แล้ว
Print Screen เก็บภาพหน้าจอขณะนั้นเก็บไว้ โดยจะนำไป past วางในโปรแกรมแต่งภาพได้
Alt เรียก เมนูด้านบน โดยจะต้องใช้ปุ่มลูกศร สำหรับการเลือกทำงานควบคู่กันไปด้วย
Esc ยกเลิกการทำงาน หรือออกจากการตั้งค่าต่าง ๆ หรือแทนคำว่า Cancel เป็นส่วนมาก
Enter ใช้สำหรับการยอมรับ หรือแทนการกด OK เป็นส่วนมาก
Space Bar ใช้เลือกบนปุ่มที่มีการ high light ไว้ จะใช้งานคล้าย ๆ กับปุ่ม Enter
Homeหรือ Ctrl + Home ใช้เลื่อน Scrool Bar ไปที่ตำแหน่งแรกของหน้าต่างนั้น
End หรือ Ctrl + End ใช้เลื่อน Scroll Bar ไปที่ตำแหน่งท้ายสุดของหน้าต่างนั้น
Shift + ปุ่มลูกศร มักจะใช้แทนการเลือก ช่วงของตัวอักษรหรือข้อความนั้น สำหรับการแก้ไขหรือการ copy
F1 มักจะใช้แทนความหมายของการเรียก Help File ขึ้นมาช่วยเหลือ
F2 มักจะใช้แทนความหมายของการ Rename ชื่อไฟล์ หรือการแก้ไขข้อความต่าง ๆ
F3 หรือ Ctrl + F3 ใช้สำหรับการค้นหาต่าง ๆ
F5 Refresh
Ctrl + F ใช้สำหรับการค้นหาต่าง ๆ คล้ายกันกับ F3
Ctrl + A ใช้สำหรับการเลือกทั้งหมดหรือแทนคำว่า Select All
Ctrl + C ใช้สำหรับการ copy ภาพหรือตัวอักษรที่เลือก เก็บไว้
Ctrl + X ใช้สำหรับการ cut ภาพหรือตัวอักษรที่เลือก เก็บไว้
Ctrl + V ใช้สำหรับการ past ภาพหรือตัวอักษรที่ได้เก็บไว้จากการ copy หรือ cut
Shift + Del ลบ Item ที่เลือกโดยไม่เก็บใน Recycle Bin

Shift + ใส่แผ่น cd-rom ไม่ให้ CD-ROM ทำ Auto run
Alt + A Select All หรือ เลือกทั้งหมด

10 วิธีในการเพิ่มความเร็วในการเล่น Internet

10 วิธีในการเพิ่มความเร็วในการเล่น Internet


1.ติดตั้ง Driver ของ Modem ของคุณให้ถูกต้อง ถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าการใช้ Driver ที่ถูกต้องจะทำให้เราสามารถใช้ความสามารถของโมเด็มได้มากที่สุด วิธีการตรวจสอบให้เข้า คลิกปุ่ม Start เลือก Control Panel จากนั้นคลิกไอคอน Modem แล้วคลิก General Tab ลองสังเกตดูว่าชื่อโมเด็มตรงกับที่ใช้อยู่หรือไม่ ถ้าไม่ใช้ให้ติดต่อบริษัทที่คุณซื้อมา หรือถ้าไม่สะดวกให้เข้าไปที่เวปไซท์ ของเจ้าของ Modem นั้น ๆ แล้วเลือก downlaod Driver ของ Modem ของคุณ เลือกเวอร์ชั่นล่าสุด

2.ซื้อโมเด็มที่มีความเร็วสูงสุด เรื่องง่าย ๆ ค่ะ ถ้าอยากเร็วก็ซื้อโมเด็มที่เร็ว ๆ แต่อย่างไรก็ตาม ความเร็วของ PC ที่คุณใช้ก็ส่วนที่จะ ช่วยให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตเร็วขึ้นด้วย

3.โมเด็มตัวเดียวไม่พอ ใช้สองตัวข้อนี้ไม่ค่อยอยากแนะนำเพราะว่าคุณต้องเสียเงินเพิ่ม และเสียค่าโทรศัพท์ในการใช้งานเพิ่มด้วย แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่ต้อง การการใช้งานอินเตอร์เน็ตที่เร็วมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามการใช้ Modem 2 ตัวได้นั้น จะต้องขึ้นกับทาง ISP ที่คุณใช้ บริการว่า support Modem 2 ตัวหรือไม่ ยังไงก็สอบถามก่อน

4.เลือก ISP ที่เร็วและดีที่สุด คุณคงเป็นผู้หนึ่งที่ใช้บริการกับหลายๆ ISP แต่ก็ยังไม่ค่อยถูกใจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง Support หรือเรื่องระบบ หลาย ๆครั้ง เกิดปิดระบบดื้อ ๆ (แก้ไข Server) กว่าจะรู้ว่าทำให้วันนั้นทั้งวันผมต้องเสียเวลาตรวจสอบระบบภายใน นึกว่าของตนเอง เสียหาย ดังนั้น วิธีง่าย ๆในการเลือก ISP มาใช้คือ ใช้ชุดอินเตอร์เน็ตสำเร็วรูปสัก 10 ชั่วโมง แล้วลองใช้ดูก่อน

5.เลือกหมายเลขโทรศัพท์ในการเชื่อมให้ถูกต้อง ข้อนี้สำคัญมาก เนื่องจากหลาย ๆ ท่านยังไม่เข้าใจ ISP จะมีบริการอินเตอร์เน็ตหลายๆ ระดับ ขึ้นกับความเร็วของ Modem ของคุณ เช่น ถ้าใช้ Modem 33.6 kbps จะต้องใช้หมายเลขโทรศัพท์เบอร์ใด และถ้าคุณใช้ Modem 56 kbps คุณจะต้อง ใช้โทรศัพท์เบอร์ใด แต่อย่างไรก็ตามถ้าคุณใช้เบอร์ผิด อาจติดต่อได้ แต่นั่นทำให้การใช้งานอินเตอร์เน็ตช้าลงได้

6.หลีกเลี่ยงความแออัดของการจราจรบนอินเตอร์เน็ตเวลาที่ถูกว่าจะมีผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตมากคือเวลา 5 โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ดังนั้น ถ้าคุณสามารถหลีกเลี่ยงเวลาดังกล่าวได้ ย่อมมีส่วนอยู่บ้างที่จะช่วยให้คุณใช้งานอินเตอร์เน็ตได้เร็วมากยิ่งขึ้น

7.ตั้งค่า Buffers ให้มากขึ้น ถ้าคุณใช้ Modem แบบ UART รุ่น 16550 หรือใกล้เคียง และใช้ Windows 95,98/NT ให้ลองปรับเปลี่ยนค่า Buffers โดยการคลิกปุ่ม Start เลือก Control Panel คลิกไอคอน Modems คลิกเลือก Properties คลิกอีกครั้งที่ Connection tab คุณจะพบแถบสไลด์ที่มีข้อความ Port Setting ให้ปรับค่า Receive Buffers และ Transmit Buffers ไปทางขวา เป็น การเพิ่ม Buffers ให้มากขึ้น จะทำให้คุณเล่นอินเตอร์เน็ตได้เร็วมากขึ้น

8.ตั้งค่า Ports ให้เหมาะสมให้ทดลองเปลี่ยนค่าความเร็วของ Port ให้เป็น 57,600 หรือ 115,200 bps โดยเข้าไปที่ Modem เลือก Properties ดูที่ช่อง Maximum speed หลังจากติดตั้งค่า Modem แล้ว ให้ปรับค่าความเร็วของ Port ใน Device Manager ด้วย โดยคลิกที่ Control Panel เลือกไอคอน System คลิกเลือก Device Manager แล้วเลือก Ports และคลิกหมายเลข Com Port ที่คุณ ติดตั้งโมเด็มเอาไว้ เลือก Port Settings (ข้อความ Flow Control ถูกเลือกเป็น hardware) จากนั้นกำหนดค่า 57,600 หรือ 115,200 ให้ตรงกับ Modem Properties ที่เลือกไว้ตอนต้น

9.ติดตั้งโปรแกรมช่วยปรับค่าและติด Turbo ให้กับเว็บบราวเซอร์ของคุณหลังจากปรับค่าต่าง ๆแล้วยังไม่เป็นที่พอใจ ให้ลองติดตั้งโปรแกรมที่ช่วยในการปรับค่า และช่วยในการเพิ่มความเร็วโดยการ ตรวจสอบ Configuration ที่เหมาะสมสำหรับ ISP ของคุณ (ซึ่งแต่ละ ISP จะไม่เหมือนกัน) โปรแกรมเหล่านี้ได้แก่ internet Turbo, Web Turbo

10.ลบข้อมูลใน Cache และปรับแต่ง Harddiskให้ทดลองเปลี่ยนค่าความเร็วของ Port ให้เป็น 57,600 หรือ 115,200 bps โดยเข้าไปที่ Modem เลือก Properties ดูที่ช่อง Cache คือพื้นที่ที่กำหนดไว้สำหรับเล่นอินเตอร์เน็ต ถ้าคุณมีพื้นที่ใน Harddisk ไม่มากพอ คุณควรลบ Cache ออกบ้างโดยเข้าไปที่ เว็บบราวเซอร์ของคุณ IE 5 คลิก Tools เลือก Internet Options เลือก Temporary Internet files ให้เลือก Delete files (Files เหล่านี้คือ files ที่ถูก save ไว้ขณะที่คุณเล่นอินเตอร์เน็ต) จากนั้นให้คุณปรับแต่ง Harddisk ด้วยการเลือกคำสั่ง ฃ Scandisk และ Disk Defragmenter ซึ่งคำสั่งนี้อยู่ที่เมนู Accessories เมนูย่อย System Tools

ท ำ ค ว า ม รู้ จั ก กั บ Lan





ท ำ ค ว า ม รู้ จั ก กั บ Lan

LAN (Local Area Network) เป็นลักษณะการเชื่อมต่อเครือข่ายคอมพิวเตอร์ถึงกันภายในพื้นที่ใกล้ๆ กัน เครือข่าย LAN ออกมาเพื่อให้บริการแลกเปลี่ยนข่าวสารกันในส่วนต่างๆ ขององค์กรในบริเวณที่ไม่ไกลกันมาก เช่นอยู่ในอาคารเดียวกัน ระหว่างชั้นอาคาร สามารถดูแลได้เองโดยไม่ต้องใช้ระบบสื่อสารข้อมูลแบบอื่น การเชื่อมโยงเครือข่าย LAN มี 4 รูปแบบ ดังนี้


1.Ethernet LAN มีการรับส่งข้อมูลด้วยความเร็ว 10-1000 Mbps. ใช้พี้นฐาน Topology แบบบัส โดยอุปกรณ์ทุกอย่างจะเชื่อมต่อกันบนสายสัญญาณเส้นเดียว โดยต้องมีการจัดการเรื่องการสื่อสารไม่ให้รับส่งพร้อมกันเกินกว่าหนึ่งคู่ โดยให้อุปกรณ์ที่จะส่งข้อมูลตรวจสอบว่ามีข้อมูลใดวิ่งอยู่บนสายหรือไม่ หากไม่มีจึงส่งได้ และถ้ามีการชนกันของข้อมูลบนสายก็จะส่งใหม่
2.Token Ring มีความเร็ว 16 Mbps เชื่อมต่อกันเป็นวงแหวนโดยแพ็กเกจข้อมูลจะวิ่งวนในทิศทางใดทางหนึ่ง ถ้าทราบแอดเดรสปลายทางแล้ว Token จะถูกระบุว่าปลายทางอยู่ไหน Token จะถูกส่งไปเลย จนเจอปลายทาง แล้ว Token จะถูกปล่อยเพื่อให้ผู้อื่นใช้ต่อไป อุปกรณ์นั้นจะรับข้อมูลไป การจัดการรับส่งข้อมูลในวงแหวนจึงเป็นไปอย่างมีระเบียบ

3.ARCNET เป็นเทคดนโลยีที่ใช้ Token-bus ในการจัดการ line sharing ระหว่างเครื่องลูกข่ายและอุปกรณ์อื่นๆ เครื่องแม่ข่ายจะส่งเฟรมข้อความเปล่าไปตาม Bus เมื่ออุปกรณ์ต้องการจะส่งข้อมูลก็จะใส่ Token ไปด้วย ในเฟรมข้อมูลเปล่าจะที่ฝากข้อมูลไปด้วย เมื่ออุปกรณ์จุดหมายได้รับก็ใส่ Token เป็น 0 ลงไปแทน เฟรมนนั้นก็จะพร้อมนำกลับมาใช้ได้ใหม่

4.FDDI (Fiber Distributed Data Interface) ทำงานบนสาย Fiber Optic ทำงานได้ระยะไกลถึง 200 กิโลเมตร ใช้ Protocol ของ Token Ring โดยจะมี Token Ring ซ้อนกัน 2 วง เป็น Back up กันและกันให้บริการได้ถึง 100 Mbps

อุปกรณ์ในระบบเครือข่าย LAN

1.LAN Card คือ Card ที่จะติดตั้งภายในเครื่อง PC ส่วนใหญ่จะมีขนาดเล็ก เท่ากับ VGA Card หรือ Sound Card สำหรับ LAN Card ยังแบ่งออกได้หลายประเภท ทั้งนี้ขึ้นกับความเร็วที่ต้องการ เช่น 10 Mbps, 10/100 Mbps, 100 Mbps เป็นต้น


2.LAN Cable คือ สายสัญญาณที่มีลักษณะคล้ายสายโทรศัพท์ ที่นิยมใช้มีดังนี้ UTB, STB ซึ่งการเลือกสายแต่ละประเภทนี้จะขึ้นกับการนำ ไปใช้ เช่น ติดตั้งภายใน ภายนอก หรือระยะทางไกลแค่ไหน เป็นต้น


3.HUB คือ อุปกรณ์ที่ใช้เป็นจุดศูนย์กลางในการกระจายสัญญาณ หรือข้อมูล โดยปกติการเลือก Hub จะดูที่จำนวน Port ที่ต้องการ เช่น 8 ports, 12 ports, 24 ports



ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า เ ค รื่ อ ง แ ฮ ง ค์

ก า ร แ ก้ ปั ญ ห า เ ค รื่ อ ง แ ฮ ง ค์

ไดรเวอร์ คือ โปรแกรมที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางในฮาร์ดแวร์และระบบปฏิับัติการหรืออธิบายง่ายๆ ก็คือ คอยทำหน้าที่แนะนำให้ระบบปฏิบัติการรู้จักและทำงานร่วมกับฮาร์ดแวร์ได้นั่นเอง ดังนั้นหากอุปกรณ์ตัวไหนที่ไม่ได้ลงไดรเวอร์ ก็อาจทำให้ระบบปฏิบัติการไม่รู้จัก จึงไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ ดูแล้วไดรเวอร์ ไม่น่าจะเป็นตัวที่ทำให้เกิดปัญหา แต่เนื่องจากว่า บางครั้งไดรเวอร์ที่เป็นเวอร์ชั้นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์ตัวเก่าได้ มีผู้ใช้หลายคนยกเครื่องมาให้ ช่างคอมพิวเตอร์ตรวจเช็คเนื่องจากปัญหาเครื่องแฮงค์บ่อย พอสอบถามถึงปัญหาก็พบว่าผู้ใช้ได้เคยอัพเดต ไดรเวอร์รุ่นใหม่ที่ดาวน์โหลดมาจากเว็บไซต์บนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อตรวจเช็คแล้วก็พบว่าไดรเวอร์ที่ผู้ใช้ อัพเดทนั้นเป็นไดรเวอร์รุ่นทดสอบที่หลายเว็บไซต์มักชอบนำมาให้ดาวน์โหลดไปทดสอบกันดูก่อน เมื่อไดรเวอร์ยังไม่สมบูรณ์ จึงยังไม่สามารถทำงานเข้ากับฮาร์แวร์บางตัวได้ จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์นั่นเอง ซึ่งปัญหานี้พบได้บ่อยมาก

สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ก่อน หากพบเครื่องที่มีอาการแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้อัพเดทไดรเวอร์ลงไปให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่าเกิดจากสาเหตุนี้

วิธีแก้ปัญหาก็คือให้ถอดไดร์เวอร์ที่มีปัญหานั้นทิ้งไป แล้วลงไดรเวอร์ัตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม โดยมีขั้นตอน ดังนี้

1.ให้คลิกขวาที่ไอคอน My Computer > Properties

2.ที่หน้าต่าง System properties ให้คลิกแท็ป Device Driver

3.จากนั้นคลิกขวาที่ไดรเวอร์ของอุปกรณ์ที่มีปัญหา แล้วเลือกคำสั่ง Remove ไดรเวอร์นั้นออกไปแล้วลงไดรเวอร์ตัวเก่าที่เคยใช้งานได้ดีกลับไปเหมือนเดิม

แต่บางครั้งไดรเวอร์ที่มากับอุปกรณ์ที่มีปัญหาตั้งแต่ตอนแรกที่ซื้อมา ก็อาจทำให้มีปัญหาได้เหมือนกัน โดยจะพบบ่อยมากในไดรเวอร์ของการ์ดแสดงผล 3 มิติ และซาวด์การ์ดยี่ห้อโนเนม ทางแก้ปัญหา คือ ต้องไปโหลดไดรเวอร์เวอร์ชั่นใหม่จากเว็บไซต์ของผู้ผลิตอุปกรณ์ยี่ห้อที่ใช้อยู่เท่านั้น ไม่ควรไปดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อื่น เพราะจะทำให้เกิดปัญหาตามมาได้


เครื่องแฮงค์เพราะโปรแกรมแอพพลิเคชั่น

หลายครั้งที่อาการแฮงค์มักเกิดหลังจากโปรแกรมที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องเข้ากันไม่ได้ บางไฟล์ของโปรแกรมตัวหนึ่งอาจเข้าไปเปลี่ยนแปลงไฟล์บางตัวของระบบปฏิบัติการจึงทำให้เกิดปัญหาขึ้นตามมาได้ ส่วนใหญ่มักเกิดจากไฟล์นามสกุล DLL ซึ่งเป็นไฟล์สาธารณะของระบบปฏิบัติการ ที่มักจะมีหลายโปรแกรมที่เราติดตั้งเข้ามาขอใช้ไฟล์นามสกุล DLL ด้วย แต่บางโปรแกรมก็มีไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพมากกว่าไฟล์ DLL ตัวเดิมของระบบปฏิบัติการ เมื่อเราติดตั้งโปรแกรมนี้ลงไปมันก็จะเขียนไฟล์ DLL ตัวใหม่ทับตัวเก่าทันที จึงทำให้เกิดปัญหาเครื่องแฮงค์ตามมา เพราะไฟล์ DLL เวอร์ชั่นใหม่ไม่สามารถทำงานร่วมกับระบบปฏิบัติการได้

สำหรับแนวทางแก้ไขของช่างคอมพิวเตอร์ก็คือ ให้สอบถามพฤติกรรมของการใช้งานของผู้ใช้ก่อน เมื่อพบเครื่องที่มีลักษณะเครื่องแฮงค์หลังจากที่ผู้ใช้ลงโปรแกรมตัวใหม่ลงไป ให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยว่า อาจมาจากสาเหตุนี้

วิธีการแก้ไขก็คือ หากเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบนวินโดวส์ 98 / Me ให้บูตเครื่องด้วยแผ่นบูตแล้วพิมพ์คำสั่ง Scanreg / restore เพื่อเป็นการย้อนกลับไปใช้รีจิสทรีที่วินโดวส์ได้แบล็คอัพเก็บไว้ 5 วันหลังสุด ก็ให้เราเลือกวันที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา เพียงเท่านี้ก็จะสามารถแก้ปัญหานี้ได้

สำหรับวินโดวส์ Me และวินโดวส์ XP ก็สามารถใช้โปรแกรม System Restore เพื่อย้อนกลับไปยังวันที่ไม่เกิดปัญหาได้ โดยสามารถเรียกใช้โปรแกรมได้ดังนี้

1.คลิกปุ่ม Start > Program > Accessories > System Tools > System Restore
2.เมื่อปรากฏโปรแกรม System Restore ขึ้นมาให้คลิกที่ช่อง Restore my computer to earlier time แล้วคลิกปุ่ม Next
3.เลือกวันที่และจุด Checkpoint ที่คิดว่ายังไม่เกิดปัญหา โดยวันที่ที่สามารถย้อนกลับไปได้จะเป็นช่องหนาๆ เมื่อเลือกเสร็จแล้วให้คลิกปุ่ม Next
4.จะมีหน้าต่างแสดงรายละเอียดของวันที่และจุด Checkpoint ที่ต้องการย้อนระบบกลับไป ให้เราคลิกปุ่ม Next แล้วโปรแกรมก็จะเริ่มทำการย้อนระบบกลับไปยังวันที่และจุด Checkpoint ที่เรากำหนด

วิ ธี ป รั บ แ ต่ ง M o d e m ใ ห้ มี ค ว า ม เ ร็ ว สู ง สุ ด แ ล ะ เ น็ ต ห ลุ ด ย า ก ขึ้ น

วิ ธี ป รั บ แ ต่ ง M o d e m ใ ห้ มี ค ว า ม เ ร็ ว สู ง สุ ด แ ล ะ เ น็ ต ห ลุ ด ย า ก ขึ้ น

วิธีที่ทำให้ Windows XP ของคุณสามารถเค้นเอาความเร็วสูงสุดของโมเด็มออกมาได้ มีขั้นตอนดังนี้

(ก่อนปรับค่าด้านล่างควรจดจำค่าความเร็วเดิมไว้ก่อน)

1. คลิก Start > Control Panel > Network Connections

2. ดับเบิลคลิกที่ Icon สำหรับใช้ connect internet > เลือก Properties > General > Configure...

3. เลือก Maximum speed (bps) ใส่ค่า = 921600

อีกหนึ่งอย่างที่ไม่อาจจะลืมได้นั่นก็คือ วิธีที่ ทำให้เน็ตของคุณหลุดยากขึ้นดังนี้

1. คลิกขวาที่ My Computer > เลือก Properties > Hardware > Device Manager

2. เลือกหัวข้อ Modem คลิกขวาเลือก Properties > คลิกแท็ปชื่อ Modem

3. เลือก Maximum Port Speed ใส่ค่า = 115200

4. คลิกที่แท็ป Advance > หัวข้อ Extra Settings ให้ใส่ค่า ATS10=100

*เมื่อเสร็จทุกขั้นตอนแล้ว ควรรีสตาร์ทเครื่องใหม่ก่อน ทำการ connect เข้า internet สังเกตดูความเร็วที่เพิ่มขึ้นได้จาก Connection บน taskbar

ก า ร ดู แ ล รั ก ษ า M o d e m

M o d e m คื อ อ ะ ไ ร
โมเด็ม คืออุปกรณ์ในการสื่อสารระหว่างคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง ผ่านทางสายโทรศัพท์ เราสามารถติดต่อข้ามประเทศได้ด้วยโมเด็ม ปัจจุบัน Modem ถือว่าเป็นอุปกรณ์พื้นฐานอย่างหนึ่งในการใช้คอมพิวเตอร์ เพราะนอกเหนือจากการที่จะใช้เล่น internet แล้ว เรายังสามารถทำเครื่องคอมฯ ให้เป็นเครื่องรับส่ง fax ได้อีกด้วย เห็นแล้วใช่ไหมครับว่า modem มีประโยชน์มากแค่ไหน สำหรับการเลือกซื้อโมเด็ม ก็คงแล้วแต่ความสะดวกในการใช้งาน ]


ปั ญ ห า ข อ ง M o d e m
ปัญหาที่พบส่วนใหญ่ คือ ไม่ได้มีการติดตั้ง driver ที่ถูกต้อง ทำให้เกิดปัญหาการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตที่อาจหลุดบ่อยๆ (อาจมีสาเหตุจากการติดตั้งสายเรียกซ้อน ควรยกเลิกระบบนี้เสียก่อน) หรือปัญหาโมเด็มค้างระหว่างการต่อสัญญาณไปยัง ISP หรือไปยังโมเด็มเครื่องอื่นๆ (การทำ remote) สำหรับกรณีอื่นๆ มีดังนี้


ปั ญ ห า แ ล ะ ก า ร แ ก้ ไ ข

1.เงียบ ไม่มีสัญญาณระหว่างการใช้งาน

2.สายสัญญาณระหว่างโมเด็มกับคอมพิวเตอร์ต่อไม่แน่น หรืออาจเป็นสายโทรศัพท์ที่ต่อเข้าโมเด็มไม่ถูกต้อง (ต่อเข้าช่องโทรศัพท์แทนช่องโมเด็ม) หรือไม่ได้ต่อสายโทรศัพท์

3.โมเด็มสัญญาณค้าง

4.กรณีเป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายนอก ให้เราทำการปิดสวิทซ์โมเด็ม รอสักครู่ แล้วเปิดใหม่ แต่ถ้าเป็นโมเด็มแบบติดตั้งภายใน ให้ทำการ shut down โปรแกรม Windows และรอสักครู่ จึงเริ่มใหม่

5.การตรวจสอบโมเด็มว่าทำงานได้หรือไม่
วิธีนี้เป็นวิธีการตรวจสอบอย่างง่าย ว่าโมเด็มยังสามารถทำงานได้หรือไม่ ให้ทำตามขั้นตอนดังนี้
Windows 98, ME
คลิกปุ่ม Start -> Settings คลิกเลือก Control Panel
คลิกไอคอน Modem
คลิกแท็ป Diagnostics
คลิกเลือก PORT Modem ที่ติดตั้ง เช่น COM 1, COM 2 เป็นต้น
คลิกปุ่ม more info
รอสักครู่ โปรแกรมจะตรวจสอบโมเด็ม
ดูรายละเอียดว่ามีคำว่า OK หรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าไม่มีปัญหา
Windows XP
คลิกปุ่ม Start -> Settings คลิกเลือก Control Panel
คลิกไอคอน Phone and Modem Options
ที่แท็ป Modems คลิกเลือก Properties
คลิกแท็ป Diagnostics
คลิกปุ่ม Query Modem
รอสักครู่ โปรแกรมจะตรวจสอบโมเด็ม
ดูรายละเอียดในช่อง Response ถ้ามีคำว่า success แสดงว่าโมเด็มของเราไม่มีปัญหา












ท ำ ค ว า ม รู้ จั ก กั บ E - L e a r n i n g

ประเทศไทยได้มีการนำคอมพิวเตอร์ มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสื่อการเรียน การถ่ายทอดความรู้เป็นระยะเวลานานพอสมควร โดยอาจจะนับได้ว่า
จุดเริ่มต้นตั้งแต่การใช้คอมพิวเตอร์ เป็นเครื่องมือในการเรียนการสอน วิชาคอมพิวเตอร์ จากนั้นก็มีการสร้างสื่อการเรียนการสอนรูปแบบใหม่ แทนที่เอกสารหนังสือที่เรียกว่า สื่อคอมพิวเตอร์ช่วยสอน หรือ CAI (Computer Aided Instruction) ซึ่งมีซอฟต์แวร์ที่เป็นเครื่องมือให้เลือกใช้งานได้หลากหลายทั้งที่ทำงานบนระบบปฏิบัติการดอส เช่น โปรแกรมจุฬาซเอไอ (Chula CAI) ที่พัฒนาโดยแพทย์จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , โปรแกรม ThaiTas ได้รับการสนับสนุนจาก ศูนย์เทคโนโลยีเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ รวมถึงซอฟต์แวร์สำเร็จรูปจากต่างประเทศ เช่น ShowPartnet F / X , ToolBook , Authorware ในปัจจุบันเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตได้พัฒนาเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้ก้าวมาเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญ ที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบการเรียนการสอน การฝึกอบรม รวมทั้งการถ่ายทอดความรู้ โดยพัฒนา CAI เดิม ๆ ให้เป็น WBI (Web Based Instruction) หรือการเรียนการสอนผ่านบริการเว็บเพจส่งผลให้ข้อมูลในรูปแบบ WBI สามารถเผยแพร่ได้รวดเร็ว และกว้างไกลกว่าสื่อ CAI ปกติ ทั้งนี้ก็มาจากประเด็นสำคัญอีก 2 ประการ



ประเด็นแรกได้แก่ สามารถประหยัดเงินที่ต้องการลงทุนในการจัดหาซอฟต์แวร์สร้างสื่อ (Authoring Tools) ไม่จำเป็นต้องซื้อโปรแกรมราคาแพง ๆ มาใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างสื่อการเรียนการสอน เพราะสามารถใช้ NotePad ที่มาพร้อมกับ Microsoft Windows ทุกรุ่นหรือ Text Editor ใด ๆ ก็ได้ลงรหัส HTML (Hyper Text Markup Language) สร้างเอกสาร HTML ที่มีลักษณะการถ่ายทอดความรู้ด้านการศึกษา
ประเด็นที่สองเนื่องจากคุณสมบัติของเอกสาร HTML ที่สามารถนำเสนอข้อมูลได้ทั้งข้อความ ภาพ เสียง VDO และสามารถสร้างจุดเชื่อมโยงไปตำแหน่งต่าง ๆ ได้ตามความต้องการของผู้พัฒนา



ส่งผลให้การพัฒนาสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ WBI เป็นที่นิยมอย่างสูง และได้รับการพัฒนาปรับปรุงรูปแบบมาเป็นสื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ e-learing (Electronis Learning) ซึ่งกำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน สื่อการเรียนการสอนในรูปแบบ e-learning สามารถกล่าวได้ว่าเป็นรูปแบบที่พัฒนาต่อเนื่องมาจาก WBI โดยมีจุดเริ่มต้นจากแผนเทคโนโลยีเพื่อการศึกษาของชาติ สหรัฐอเมริกา (The National Educationl Technology Plan ' 1996) ของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐอเมริกา ที่ต้องการพัฒนารูปแบบการเรียนของนักเรียนให้เข้ากับศตวรรษที่ 21 การพัฒนาระบบการเรียนรู้จึงมีการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาช่วยเสริมอย่างเป็นจริงเป็นจัง ดังนั้นสามารถกล่าวได้ว่า e-learning คือ การนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะบริการด้านเว็บเพจเข้ามาช่วยในการเรียน การสอน การถ่ายทอดความรู้ และการอบรม ทั้งนี้สามารถแบ่งยุคของสื่ออิเล็กทรอส์ได้ ดังนี้




1.ยุคคอมพิวเตอร์ช่วยสอนและฝึกอบรม (structor Led Training Era) เป็นยุคที่อยู่ในช่วงเริ่มใช้คอมพิวเตอร์ในวงการศึกษา จนถึง ปี ค.ศ. 1983



2.ยุคมัลติมีเดีย (Multimedia Era) อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1984 - 1993 ตรงกับช่วงที่มีการใช้ Microsoft Windows 3.1 อย่างกว้างขวาง มีการใช้ซีดีรอมในการเก็บบันทึกข้อมูล มีการใช้โปรแกรม PowerPoint สร้างสื่อนำเสนอ ทั้งทางธุรกิจ และการศึกษา โดยนำมาประยุกต์สร้างสื่อการสอน บทเรียน พร้อมบันทึกในแผ่นซีดี สามารถนำไปใช้สอนและเรียนได้ตามเวลาและสถานที่ที่มีความสะดวก



3.ยุคเว็บเริ่มต้น (Web Infancy) อยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1994 - 1999 มีการนำเทคโนโลยีเว็บเข้ามาเป็นบริการหนึ่งของอินเทอร์เน็ต มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีเว็บสร้างบทเรียนช่วยสอนและฝึกอบรม รวมทั้งเทคโนโลยีมัลติมีเดียบนเว็บ



4.ยุคเว็บใหม่ (Next Generation Web) เริ่มต้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 2000 เป็นต้นไป มีการนำสื่อข้อมูล และเครื่องมือต่าง ๆ มาประยุกต์สร้างบทเรียนเป็นการก้าวสู่ระบบ e-learning อย่างแท้จริง



ลักษณะแรก e-Learning หมายถึง การเรียนเนื้อหา หรือสารสนเทศสำหรับการสอน หรือการอบรม ซึ่งใช้การนำเสนอด้วยตัวอักษรภาพนิ่ง ผสมผสานกับการใช้ภาพเคลื่อนไหว วีดิทัศน์และสียง โดยอาศัยเทคโนโลยีของเว็บ (Web Technology) ในการถ่ายทอดเนื้อหา รวมทั้งใช้เทคโนโลยีการจัดการคอร์ส (Course Management System) ในการบริหารจัดการงานสอนต่าง ๆ



ลักษณะที่สอง e-Learning คือ การเรียนในลักษณะใดก็ได้ ซึ่งใช้การถ่ายทอดเนื้อหาผ่านทางอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นคอมพิวเตอร์ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต อินทราเน็ต เอ็กซทราเน็ต หรือสัญญาณโทรทัศน์ สัญญาณดาวเทียม



ดังนั้นจะเห็นได้ว่า e-Learning เป็นระบบการเรียนการสอนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีเว็บ และเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มีสภาวะแวดล้อมที่สนับสนุนการเรียนรู้อย่างมีชีวิตชีวา (Active Learning) และการเรียนที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง (Child Center Learning) ผู้เรียนเป็นผู้คิด ตัดสินใจเรียน โดยการสร้างความรู้และความเข้าใจใหม่ ๆ ด้วยตนเอง สามารถเชื่อมโยงกระบวนการเรียนรู้ให้เข้ากับชีวิตจริง ครอบคลุมการเรียนทุกรูปแบบ ทั้งการเรียนทางไกล และการเรียนผ่านเครือข่ายระบบต่าง ๆ








































วันจันทร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

Flash : เทคนิคการวาดการ์ตูน


Flash : เทคนิคการวาดการ์ตูน
แนะนำกันนิดหนึ่งก่อนนะครับ สำหรับโปรแกรมที่ใช้ในการวาด Macromedia flash MX เป็นโปรแกรมที่ใช้ในการทำงานเกี่ยวกับ Animation แต่ในตอนนี้เราจะนำมาใช้ในการวาดรูปกันก่อนนะงั้นเริ่มกันเลยนะครับ




1. Arrow Tool ใช้ในการคลิกเลือกและลา

2. Line Tool ใช้ในการวาดเส้นตรง

3. Text Tool ใช้สำหรับสร้างตัวอักษร

4. Oval Tool ใช้ในการวาดวงกลม

5. Pencil Tool ใช้สำหรับวาดเส้น

6. Color Bucket Tool ใช้สำหรับเทสี

7. Eraser Tool ใช้สำหรับลบ


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
1.เปิดโปรแกรม Macromedia flash MX ขึ้นมา โดยที่โปรแกรมจะกำหนดพื้นที่ใช้งานเริ่มต้นให้แล้วขนาด 550*400

2.ในขั้นตอนนี้เราจะเริ่มวาดส่วนของใบหน้าก่อนโดยใช้ Line Tool วาดเส้นตามรูป 3.ในขั้นตอนนี้จะทำการตกแต่งเส้นที่วาดขึ้นมาในขั้นตอนที่ 2 โดยใช้ Arrow Tool (โดยให้นำลูกศรไปชี้ตรงส่วนของเส้นที่ต้องการดัด และถ้าส่วนท้ายของลูกศรมีรูปเส้นโค้งเล็กๆ นั้นแสดงว่าเราสามารถเริ่มดัดได้แล้ว4.ต่อไปก็จะเริ่มวาดในส่วนของหัว (หมวก) ทำตามขั้นตอนที่ 1 คือใช้ Line Tool ในการวาดเส้นก่อนจากนั้นใช้ Arrow Tool ในการดัดเส้นและตกแต่ง

5.ขั้นตอนนี้จะเป็นการวาดและตกแต่งตาของการ์ตูนในขั้นตอนนี้เราจะใช้ Oval Tool และ Line Tool ในการวาดครับ


5.1.ทำการลบส่วนของเส้นที่ไม่ต้องการทิ้งโดยใช้ Arrow Tool คลิกในส่วนของเส้นที่ต้องการจะลบเมื่อกำหนดได้แล้วก็กดปุ่ม Delete ได้เลย



**Tip ** ในการใช้ Arrow Tool กำหนดส่วนของเส้นที่ต้องการจะลบนั้นต้องให้เส้นเชื่อมกันเสียก่อนเพราถ้าเส้นไม่เชื่ อมกัน จะทำให้เราลบส่วนอื่นไปด้วย 6.เมื่อทำการลบเส้นที่ไม่ต้องการออกแล้วจะได้ดังรูปนี้ 7.ทำการวาดตาอีกข้างด้วยวิธีเดียวกัน หรือไม่ก็ทำการ copy ตาข้างที่วาดเสร็จด้วยการใช้ Arrow Tool แล้ว copy จากนั้นก็ นำไปวางในตำแหน่งที่ต้องการ เมื่อถึงตอนนี้เราจะได้ตาแล้วทั้ง 2ข้าง แต่เราจะได้ตาทั้งสองข้างที่เหมือนกัน (ดวงตาข้างซ้ายเหมือนกัน) ทำการแก้ด้วยวิธีนี้นะครับ







8.ขั้นตอนนี้จะเป็นการวาดและตกแต่งในส่วนของตัวและส่วนอื่นๆในขั้นตอนนี้เราจะใช้ Oval Tool และ Line Tool ในการวาด






9.ทำการดัดและตกแต่งเส้นที่วาดไว้ในขั้นตอนที่ 8





จะเห็นได้ว่าในการวาดจริงแล้วใช้เครื่องมือเพียงไม่กี่ชิ้นเองนะครับ 3-4 เอง แต่ก่อนที่จะวาดจริงนั้นแนะนำให้เราวาดแบบของรูปหรือการ์ตูนลงในกระดาษเสียก่อนนะครั บ และก่อนที่จะนำไปวาดลงในคอมฯ จริงนั้นอยากให้ท่านที่กำลังเริ่มหัดใช้โปรแกรม flash ได้หัดใช้เครื่องมือให้ชำนาญก่อนนะครับ(โดยอาจจะหัดวาดรูปง่ายๆจากการนำรูปทรงต่างๆม าประกอบกันก่อน)











































































































































































































วันพฤหัสบดีที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Dtac 3G

Dtac 3Gเพิ่งประกาศเปิดบริการ 3G บนคลื่นความถี่ 850MHz สำหรับลูกค้าดีแทค แบบไม่เก็บค่าใช้จ่ายเพิ่ม โดยเริ่มวันนี้ (16 สิงหาคม 2554) เป็นวันแรกได้ไม่ทันไร ก็ต้องดีใจเก้อซะแล้วครับ เพราะทาง กสท. ได้ส่งจดหมายเตือน ให้ทำการระงับการให้บริการดังกล่าวครับ เนื่องจากดีแทคยังไม่ได้รับอนุญาติให้เปิดบริการ 3G จาก กสท. โทรคมนาคม โดยจะต้องรอจนกว่าทางอัยการสูงสุดของตัดสินว่า จะอนุญาตให้ดีแทคเปิดบริการได้หรือไม่

PlayStation 3

PlayStation 3
นับว่าเป็นข่าวดีของผู้ที่ยังไม่ได้เป็นเจ้าของ PlayStation 3 เพราะในงาน Gamescom 2011 ที่ประเทศเยอรมนีนั้น โซนี่ ได้ประกาศลดราคาเครื่องเล่น PlayStation 3 เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ โดยลดลงอีกรุ่นละ 50 เหรียญสหรัฐฯ ทำให้รุ่น 160GB เหลือเพียง 249 เหรียญสหรัฐ (7,470 บาท) และรุ่น 320GB เหลือเพียง 299 เหรียญสหรัฐ (9,000 บาท) เท่านั้น ถึงแม้ว่า เครื่องเล่นเกม PlayStation 3 จะเปิดตัวมานานกว่า 5 ปีแล้ว แต่ก็ยังได้รับความนิยมอยู่เรื่อยๆ คาดว่า การประกาศลดราคาในครั้งนี้ น่าจะทำให้คู่แข่งอย่าง Xbox 360 จาก ไมโครซอฟท์ ถึงกับร้อนๆ หนาวๆ ได้



iPad3

iPad3 อัพเดทข่าวล่าสุดเกี่ยวกับ ไอแพด 3 (iPad 3) [17-สิงหาคม-2554] ข่าวนี้ คงจะทำให้ผู้ที่เพิ่งซื้อ ไอแพด 2 (iPad 2) มา ยิ้มออกได้บ้างครับ เพราะก่อนหน้านี้ที่มีข่าวว่า Apple จะเปิดตัว ไอแพด 3 (iPad 3) ในปลายปีนี้ ก็ทำเอาช้ำใจไปตามๆ กัน แต่ล่าสุดนั้น เว็บไซต์ DigiTimes ได้รายงานข่าววว่า Apple ได้เลื่อนเปิดตัว ไอแพด 3 (iPad 3) ไปปี 2012 เป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ ซึ่งสาเหตุนั้น เชื่อกันว่า เป็นเพราะหน้าจอความละเอียดสูง 2048 x 1536 พิกเซล ที่จะถูกนำมาใช้กับ ไอแพด 3 (iPad 3) นั่นเอง เนื่องจากเทคโนโลยีที่จะนำมาใช้นั้น ไม่สามารถเข้ากับดีไซน์ของ (iPad 3)


iPhone5

iPhone5ข่าวนี้ น่าจะเป็นข่าวที่ตื่นเต้นที่สุดข่าวหนึ่งก็ว่าได้ครับ เพราะแหล่งข่าวจากเว็บ electronista ได้รายงานว่า Apple iPhone 5 ไอโฟน 5 (iPhone 5) นั้น จะเปิดตัวในเดือนหน้านี้แล้ว ซึ่งจะเป็นเวลาเดียวกับการเปิดตัว iPod Touch รุ่นใหม่ และ iOS 5 ครับ ส่วนการเปิดรับพรีออเดอร์นั้น คาดว่าจะเป็นช่วงปลายเดือนกันยายน ซึ่งเวลาที่เหมาะสมที่สุด ก็คือ วันที่ 30 กันยายนนี้ ก่อนจะเปิดจำหน่ายจริงในวันที่ 7 ตุลาคม แต่ทางเว็บไซต์ electronista ยังเขียนโน้ตไว้ว่า อาจจะมีการคลาดเคลื่อนได้ ถ้าหากเกิดปัญหาในเรื่องของขั้นตอนการผลิต

การลงWindows7

♥IT MUSIC♥

++